จิตวิทยากับการทำธุรกิจ
ในโลกของธุรกิจไม่ใช่แค่ต้องใช้เรื่องของกลยุทธ์และการวางแผนเพียงอย่างเดียว แต่ในสงครามของธุรกิจ การทำจิตวิทยากับคู่แข่งและลูกค้าก็มีส่วนที่คุณอาจจะหยิบยกมาใช้ เพราะจิตวิทยากับการทำธุรกิจก็เหมือนกับ จิตวิทยาด้านการตลาด คุณจะทำยังไงให้กลุ่มลูกค้าสนใจในสินค้าหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ธุรกิจของคุณก็ต้องมีการรีเสิร์จและทำการวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยาผสมผสานกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
วันนี้เราขอหยิบยกเอาหลัก จิตวิทยา PSYCHO มาพูดในเชิงการทำธุรกิจในรูปแบบมุมมองที่แตกต่างออกไปเพื่อเป็นภาพสะท้อนให้คุณเห็นแนวทางและการนำกลับไปปรับใช้กับการทำธุรกิจของคุณในอนาคต
P = Positive Thinking
ในการทำธุรกิจต้องรู้จักคิดเชิงบวก เพราะความคิดจะเป็นตัวทำให้แผนงานทั้งหมดพังหรือรุ่งขึ้นอยู่กับความคิด ยิ่งเราคิดเชิงลบและมองภาพไม่กว้างพอธุรกิจของคุณอาจจะมีปัญหา ดังนั้นหลักจิตวิทยาที่นำมาใช้ คิดบวก คิดการณ์ไกลและคิดแบบขั้นตอนมีแผนสำรองเสมอ เป็นหลักการคิดเชิงจิตวิทยาที่นำมาใช้ในการทำธุรกิจ เพราะถ้าหากคุณคิดเชิงลบ ภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณก็จะถูกมองเชิงลบตามภาพลักษณ์ที่คุณสร้างขึ้นมา แต่ถ้าคุณมีพลังบวก คิดเชิงบวก ในอนาคตใครก็อยากจะเข้ามาลงทุนด้วย
S = Smile
คุณเคยฉีกยิ้มทั้งที่ในใจโกรธมากหรือเปล่า? ในเชิงธุรกิจหลักจิตวิทยาคือเราต้องไม่เผยด้านลบให้คู่แข่งเห็นเด็ดขาด เพราะถือเป็นจุดอ่อนทั้งตัวเองและธุรกิจ แม้จากขาดทุนหรือธุรกิจมีปัญหา การยิ้มเพื่อให้แบรนด์ของคุณก้าวไปต่อ การยิ้มเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าเราสามารถแก้ปัญหาได้ มันคือเรื่องเล็ก การยิ้มเพื่อมองปัญหาคือเรื่องเล็กน้อย ยิ้มเพื่อตั้งสติให้จิตของคุณได้ทบทวนและแก้ปัญหา เพียงแค่คุณใช้หลักจิตวิทยาด้วยการยิ้ม ธุรกิจของคุณก็จะเดินหน้าต่อไปโดยที่ยืนเหนือดราม่าใดๆ
Y = Yours
ความจริงใจต่อผู้บริโภค จริงใจต่อคนที่ให้การสนับสนุนธุรกิจของคุณให้การช่วยเหลือธุรกิจของคุณถือเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มคนที่ทำให้ธุรกิจของคุณขับเคลื่อนไปได้ การแสดงความจริงใจออกมาในด้านการผลิตภัณฑ์ คือคุณต้องไม่เอาเปรียบผู้บริโภคและใช้เป็นจิตวิทยาทางธุรกิจให้เป็น
C = Compromise
ในด้านธุรกิจความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ตลอดไม่ว่าจะผลมาจากผลประโยชน์ทั้งหุ้นส่วนหรือความขัดแย้งกับลูกค้า ก็ถือเป็นความตึงเครียดและยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจที่คุณสะสมมาอาจจะต้องพังลง ลองนำวิธีการประณีประนอบ หาทางออกที่ดีของทั้งสองฝ่าย ทำให้ธุรกิจของคุณเสียหายน้อยที่สุด พูดกันด้วยเหตุผลและข้อเสนอที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่ายถือเป็นทางออกที่ดีทีสุด
H = Human Relations
ในการทำธุรกิจคุณต้องสร้างคอนเนคชั่นและสร้างมนุษยสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการผูกมิตรและสร้างความสัมพันธ์ให้ธุรกิจของคุณได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือในอนาคต การแสดงออกเชิงเป็นมิตรจะสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ที่คุณจะสามารถสร้างเครือข่ายและเป็นการปูทางเพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวไปในอนาคตแบบอุปสรรคน้อยที่สุด
O = Oral Communication
หากคุณต้องการหานักลงทุนหรือพูดคุยกับกลุ่มลูกค้า คุณต้องเลือกใช้ภาษาในการสื่อสารที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เป็นการพูดคุยเชิงพึ่งพาพึ่งอาศัยในเชิงบวก ห้ามพูดเหน็บแหนมหรือเอ่ยวาจาดูถูกสินค้าหรือแบรนด์ของคนอื่น เพราะการพูดเชิงลบอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.hrcenter.co.th/file/columns/hr_f_20170510_171623.pdf
https://chawanchaiwang.blogspot.com
BY : ArMs