เรื่องเล่า เจ้าของฟาร์มปลา กล่าวว่าปัญหาคือเรื่องธรรมดา
“เราต้องยอมรับกับตัวเองให้ได้ก่อน ว่าปัญหามันคือเรื่องธรรมดา ปัญหามันไม่ใช่ปัญหา”
พี่เพชร
ปราโมทย์ฟาร์มปลากะพง
วันหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปชมวิวทะเลที่อ่างศิลา แวะไปสัมภาษณ์รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ที่ได้ยินได้ฟังมาว่า ดูแลกิจการของครอบครัวต่อได้เป็นอย่างดี หลังจากเล่าความที่มาที่ไปให้ฟังคร่าวๆแล้ว ก็ชวนหันมองรอบๆห้อง ที่มีปลาการ์ตูนน่ารักๆว่ายอยู่ในตู้กระจกด้านหลัง
“เจ้านั่นอายุประมาณ 7 ปีแล้ว”
“หา!”
“อืม ก็พี่เลี้ยงเอง เมื่อก่อนทำฟาร์มปลาการ์ตูนด้วย”
ก็เลยนึกย้อนไปสมัยยังเด็กที่คุณพ่อคุณแม่พามาแวะฟาร์มแห่งนี้ ตอนนั้นจำได้ว่ามีเพื่อนนีโม่เต็มไปหมด มีเจ้าตัวสีฟ้าๆอย่างดอรี่ด้วย
“พี่เรียนมาโดยตรงเลยมั้ยคะ คุณพ่อคุณแม่บังคับเรียนมั้ยคะ”
ใช่ๆ เรียนประมงมา ถามว่าบังคับมั้ย ก็ไม่ได้บังคับนะ เหมือนตอนเด็กๆก็คิดเสมอว่าอยากเรียนเหมือนพ่อ จะได้มาเลี้ยงปลา มาดูแลปลาที่บ้านได้ ที่จริงก็ตั้งแต่ตอนมัธยมแล้วนะ คุณพ่อจะปลุกขึ้นมาแต่เช้ามาทำงานก่อน แล้วค่อยไปโรงเรียน ตั้งแต่ตอนนั้นก็เลยอยากสอบเข้าประมง
“แปลว่าตั้งใจมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าจะมาดูแลกิจการต่อสินะคะ จริงๆแล้วพี่ชอบการทำฟาร์มมั้ยคะ”
ไม่ได้ชอบการทำฟาร์ม แต่ชอบสิ่งมีชีวิต ชอบสัตว์ ชอบปลา อยู่กับพวกมันแล้วมีความสุข แต่ที่บอกว่าไม่ชอบทำฟาร์มเพราะพอทำไปมากๆก็รู้ละ ว่าสิ่งมีชีวิตนี่เราทำพลาดไม่ได้เลยนะ พลาดคือตาย เสียชีวิต แล้วไม่ใช่ชีวิตเดียวด้วย บางทีเลี้ยงออกมาเป็นหมื่นๆตัว ไฟดับชั่วโมงนึงก่อนส่งสินค้า ตายเรียบ...
พี่ก็ไม่ได้เสียดายเงินอะไรมากมายหรอกนะ แต่เสียใจมากกว่า รู้สึกผิด ว่าเราเลี้ยงเค้าไม่ดี เราทำพลาด หลายหมื่นชีวิตเชียวนะ ปลาตัวเล็กๆจิ๋วๆบ่อนึงเนียะ
“พี่เรียนจบแล้วก็กลับมาทำงานที่บ้านเลยมั้ยคะ คิดว่าการทำงานข้างนอกหาประสบการณ์ก่อน จะเป็นสำหรับลูกเจ้าของกิจการมั้ย?”
ประสบการณ์ข้างนอกก็จำเป็นนะ แต่พี่ไม่อยากให้พ่อแม่ทำงานเหนื่อยแล้ว เลยเลือกที่จะกลับมาทำที่บ้านเลยหลังจากเรียนจบ
“พอกลับมาทำที่บ้าน คุณพ่อยกการตัดสินใจให้ร้อยเปอร์เซ็นเลยมั้ยคะ”
ให้เลย เพราะว่าทำงานด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว เราก็เรียนรู้งานเกือบจะหมดแล้วด้วย แต่ก็จะมีลงมาดูเป็นช่วงๆนะ อย่างช่วงนี้ไปดูยูทูปมา เจอคนนั้นคนนี้ทำแบบนั้นแบบนี้ ก็จะลงมาทดลอง เราทำตามเค้าได้มั้ย ได้ผลดีหรือเสียต่างกันตรงไหน พี่ก็จะแยกบ่อไว้ให้เลย อ่ะพ่อทดลอง ของพ่อ 3 บ่อนะ ที่เหลือเพชรทำแบบเดิม แล้วก็มาเปรียบเทียบผลกัน ถ้าดีกว่าเราก็ปรับพัฒนา ถ้าแย่กว่าก็เลิก แต่ก็ยังมีสำรองอยู่ นอกจากนั้นที่ทำแบบนี้ เพราะลูกน้องจะได้ไม่งงด้วยว่าพ่อสั่งแบบนี้ลูกสั่งแบบนี้
“นอกจากที่ว่าเรียนมาโดยตรงแล้ว พี่มีเหตุผลอื่นๆอีกมั้ยคะ ในการกลับมาช่วยคุณพ่อ”
มีครับที่สำคัญที่สุดเลย คือช่วงที่เรียนอยู่ปี 3 ปี 4 พี่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน มีอยู่อาทิตย์นึงได้กลับมา พอเจอหน้าพ่อกับแม่ สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าท่านแก่ลงไปเยอะมาก นี่เป็นจุดที่ทำให้พี่ตัดสินใจได้เลยว่าจะกลับมาทำงานแทนพ่อแม่ ไม่อยากให้พวกท่านเหนื่อยเกินไป
แล้วมันมี 3-4 เหตุการณ์ที่ประกอบการตัดสินใจด้วย อันแรกคือเมื่อก่อนที่นี่มีอากงอยู่ด้วย แล้วอากงก็เสียไปที่บ้านหลังนี้ ตอนที่อากงเสียก็นอนอยู่บนเตียง ในห้องนั้น (ชี้ไปที่ห้องข้างๆห้องที่เรานั่งกันอยู่) ตรงนั้นเลยแหละ แล้วลูกหลานก็มาล้อมรอบเตียง พ่อแม่พี่น้องหลานๆทุกคนที่สามารถมาได้ในวันนั้น อากงก็ได้บอกอะไรที่อยากบอก แล้วก็แค่หลับไปเฉยๆ
นอกจากนี้พี่ก็ประสบอุบัติเหตุรถยนต์หนักๆมา 3 ครั้ง แบบที่รถไม่เหลือสภาพเลย ครั้งล่าสุดที่ก็ขับรถกลับบ้านมาดึกๆ ไม่ได้เมานะ สติเต็ม จอดติดไฟแดงอยู่ อยู่ดีๆคันหลังมาจากไหนไม่รู้ มาชนท้ายแบบที่รู้ตัวอีกทีคืออยู่ในบ้านใครก็ไม่รู้แล้ว คือรถลอยจากไฟแดงเข้าไปติดอยู่ระหว่างเสาตึกแถวข้างทาง ติดแบบที่พอดีตัวรถเลย กระจกข้างหักหมด แล้วพี่ก็ปีนออกมาจากรถ โชคดีที่ไม่เป็นไรเลย คนบ้านนั้นเห็นแล้วตกใจกันใหญ่ ถามว่าน้องออกมาจากทางไหน
จากเหตุการณ์ต่างๆนี่ก็ทำให้คิดได้ว่า ชีวิตคนเรานี่มันก็เท่านี้นะ ตอนตายก็แค่อยากจะให้มีลูกหลานมาล้อมรอบเตียง มีคนที่เรารักอยู่ด้วย แต่บางทีก็อาจจะแค่ตายไปโดยไม่มีใครรู้อยู่ข้างถนนก็ได้ ทำให้คิดว่าอยากจะดูแลพ่อแม่ให้ดี ถ้าเราทำงานที่บ้าน อย่างน้อยเวลาพวกท่านจะเรียกหาเรา ก็จะรู้เสมอว่าเราอยู่บ้านนะ เรียกได้ตลอด ไม่ต้องกังวล ไม่ได้ไปไหนไกล
แล้วพอเรามาทำงานนี่ พ่อกับแม่ก็ไปเที่ยวได้ด้วย อยากไปกับเพื่อนก็ไปได้นานๆไม่ต้องห่วงทางบ้าน เพราะเราดูแลให้อยู่
ที่จริงพี่ก็มีลองนั่งนึกนะ ว่าถ้าเราทำงานในกรุงเทพฯมันจะเป็นยังไง ก็โอเค เงินดี มีหน้ามีตามีสังคม แต่บ้านไม่ได้กลับ พ่อแม่ไม่ได้ดูแล พ่อแม่ยังต้องเหนื่อยต้องทำงาน แล้วชีวิตมันจะมีความหมายอะไร จะเอาเงินมากมายไปทำอะไร นั่นก็คือเหตุผลทั้งมวลทำให้นั่งเลี้ยงปลาอยู่บ้านเนียะแหละ
“แล้วการกลับมาทำงานที่บ้านนี่ ประสบพบเจอปัญหาอะไรบ้างคะ”
คำถามนี้ยากเลย เพราะทำงานไปๆก็เริ่มจะปรับตัวได้ คิดว่าปัญหามันเป็นเรื่องธรรมดา มีปัญหาก็แก้กันไป ก็เรื่องธรรมดา ไม่ต้องไปเครียด
ตอนมาทำงานใหม่ๆนะ เครียดมากเลย มันมีเรื่องโน่นนั่นนี่เยอะแยะไปหมด เพิ่งจะรู้จักคำว่าเครียดจนนอนไม่หลับก็ตอนนั้นแหละ ตอนเรียนเมื่อก่อนก็คิดว่าเฮ้ย มีด้วยหรอเครียดจนนอนไม่หลับ เรานี่จะเรียนจะสอบเครียดยังไงหัวถึงหมอนก็หลับหมด พอมาทำงานนี่รู้ซึ้งเลย คือในสมองมันจะรันงานตลอดเลย วางแผนโน่นนั่นนี่ พอมีปัญหาก็เก็บมาคิดว่า มันทำไมนะ ทำไมไม่แบบนั้นแบบนี้ แล้วงานเลี้ยงปลานี่มันจะมีงานเช้ามาก 6 โมงเช้านี่ลูกน้องก็โทรมาละ พี่ครับมีปัญหางั้นงี้ครับ ไอ้นี่หมดไอ้นั่นไม่มี อันนี้เสียครับ ทำไงดีครับ อะไรแบบนี้ ก็จะเครียดตั้งแต่เช้ายังดึก จนนอนไม่หลับ
หลังจากทำงานไปซักพักก็เริ่มคิดว่ามันไม่ได้ละ แบบนี้ร่างกายคงจะไม่ไหว พอผ่านหลายๆเหตุการณ์ ประสบการณ์ก็สอนให้เรารู้ว่า เออ ปัญหาก็แค่ปัญหา มีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้เครียด ปัญหาคือเรื่องธรรมดา มาก็แก้ ไม่มาก็ดี แก้ได้ก็ดี แก้ไม่ได้ก็ปล่อย เสร็จแล้วก็ทิ้งไป ไม่เก็บมาคิดให้ปวดหัว
แต่ถ้าถามว่าอะไรเป็นปัญหาที่มีเข้ามาเรื่อยๆแล้วก็แก้ยากมากนี่คือเรื่องคน พนักงานนี่แหละยากสุดแล้ว
“พี่มีพนักงานกี่คนคะ”
ฮ่าๆ เยอะมากเลย 3 คน
”หา! แค่ 3 คน ยังมีปัญหาหรอคะ”
3 คนก็เกิดปัญหาได้แล้ว คือที่นี่เมื่อก่อนก็ใช้แรงงานต่างด้าว ก็จะมีพวกคนที่รับแรงงานมาส่งจากชายแดน ตอนแรกๆก็อาศัยคนพวกนั้นพาแรงงานมาให้ ปรากฏว่าเปลี่ยนบ่อยมาก มาทำพักๆก็หนีหายไปละ หรือไม่ก็มีปัญหาให้เราเปลี่ยนตัว บ่อยจนพี่ก็ไปสืบๆมา จนรู้ว่าคนรับส่งแรงงานพวกนี้ ได้ค่าแรงเป็นรายหัว ทีนี้ก็เลยพยายามให้เราหมุนคนบ่อยๆ เพราะรายได้เค้านับจากตรงนั้นไง ตอนหลังก็เลยเลิกละ ใช้คนแถวนี้แทน แม้ว่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็พอไหวละนะ
“ตอนนี้แต่งงานแล้ว ชีวิตเริ่มเข้าที่รึยังคะ”
ก็เริ่มโอเคนะ แฟนพี่ทำงานนอกบ้าน ก็ไม่ได้ให้เข้ามายุ่งกับปลาเลย พี่สาวก็เหมือนกัน แต่ก็อยู่รวมกันนะ เป็นครอบครัว เป็นกงสีเล็กๆ แล้วตอนนี้พอเริ่มเข้าที่ก็มีเวลาว่าง ก็เลยเริ่มหาอะไรทำต่อ
ตอนนี้ก็เริ่มรู้แล้วว่ามี passion อีกอย่างนอกเหนือจากการเลี้ยงปลา อยู่กับสิ่งมีชีวิต คือชอบสอนโยคะ
ห๊ะ!?!?!” นึกสภาพผู้ชายตัวสูงหุ่นดีสมส่วน ไม่ได้ผอมเก้งก้างหรือมีส่วนบิดเบี้ยวไปทางหญิงแต่อย่างใด
อื้อ จริงๆ พี่คิดอยู่นานมากเลยนะ คือพี่เป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว แล้วมีวันนึงบาดเจ็บ ไม่สามารถเล่นกีฬาหนักๆอย่างบาส เตะบอลได้ เพื่อนชวนไปเล่นโยคะ ตอนแรกยังคิดว่าอะไร แค่ยืนทำท่าๆแค่เนียะ เหนื่อยหรอ
พอไปเล่นจริงๆ โอ้โห วันแรกนี่หมดแรงยืนเลย เหนื่อยจริงแหะ แล้วพอเล่นไปเรื่อยๆก็เริ่มชอบ จากที่ตัวแข็ง ยืนก้มขาแตะไม่ถึงพื้น ตอนนี้สบายเลย พอได้เล่นละก็หายเครียด ก็เลยอยากสอนคนอื่นบ้าง พอดีจังหวะเพื่อนเปิดโรงเรียนสอนโยคะ ก็ชวนพี่ไป
เล่นไปเล่นมาตอนนี้ก็กลายเป็นครูสอนไปปละ ไปเรียนมาจริงจังเลย แล้วก็เปิดฟิตเนสชั้นบนโรงเรียนโยคะด้วย เป็นงานอดิเรกแก้เหงาได้ดีเลยล่ะ ใกล้ๆบ้านนี่เอง เอ้อ ว่าแล้วก็ถึงเวลาสอนพอดี พี่ไปสอนก่อนนะ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ “ฉันนี่แหละลูกเถ้าแก่”